วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

5 เทคนิค Work from Home แบบสุขใจ ร่างกายไม่พัง ผิวยังสวยปัง

เมษายน 07, 2563 0 Comments

5 เทคนิค Work from Home

แบบสุขใจ ร่างกายไม่พัง ผิวยังสวยปัง


1. กินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากการกินร้อน ช้อนกลางแล้ว การเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และกินผักผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินให้ร่างกายแข็งแรง และหมั่นสำรวจฉลากโภชนาการบนผลิตภัณฑ์อาหาร ที่มีการระบุปริมาณแคลอรี่ น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมทุกครั้ง เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพ ควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย

2. ทำงานที่บ้านก็ยังต้องฟิต

ในเวลาที่อยู่ที่ทำงาน อาจจะมีการประชุมหรือมุมกาแฟให้ได้เปลี่ยนอิริยาบถ ได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน ยืดเส้นยืดสายบ้าง แต่พอต้องนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน หลายคนอาจจะทำงานจนลืมว่าการนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จะส่งผลเสียต่อร่างกาย วิธีการเตือนตัวเองง่ายๆ อาจจะตั้งเวลาเตือนในโทรศัพท์ เพื่อกระตุ้นให้ลุกเดินพักผ่อน หรือทำท่ากายบริหารอย่างง่าย อย่างน้อยก็เพื่อช่วยเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกาย

3. งานหนักแค่ไหนก็ยังต้องอารมณ์ดี

เวลาพักเที่ยง 1 ชม. ที่เคยดูเหมือนสั้นเวลาอยู่กับเพื่อน แต่พอถึงเวลาที่ต้องกินคนเดียวที่บ้าน อาจจะกลายเป็นเวลาที่ยาวนาน ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเหงา อาจจะใช้เวลานี้แชตคุยกับเพื่อน หรือฟังเพลงโปรดคลอเบาๆ นอนเอนหลังซักพัก เพื่อชาร์จพลังให้กลับมาฟิต อารมณ์ดี พร้อมลุยกับงานในช่วงบ่าย

4. จัดตารางชีวิตให้ลงตัว

อย่าทำงานเพลินจนลืมพักเที่ยง หลายๆคนทำงานที่บ้านอาจจะลืมว่าต้องพักเที่ยงทำให้รับประทานอาหารผิวเวลาซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพและสุขอนามัย ทางที่ดีควรรับประทานอาหารเที่ยงตรงเวลาเหมือนเดิมและก็ยังควรเลิกงานตรงเวลาเช่นกัน การนั่งทำงานจนดึกไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะอาจจะเป็นการสะสมความเครียดให้ตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว นอกจากนั้นการทำงานดึกจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่องและทำให้ป่วยในที่สุด

5. สถานการณ์ไหนก็ต้องเป๊ะ

การเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ไม่ได้แปลว่าประสิทธิภาพหรือความเป็นมืออาชีพในการทำงานจะลดลง เพราะไม่อาจรู้ได้ว่า เจ้านาย ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงาน จะวิดีโอคอลมาตอนไหน เพราะฉะนั้น ควรเตรียมตัวให้พร้อม สร้างความสดใสให้ตัวเอง และแต่งตัวให้พร้อมเสมือนว่าไปทำงานที่ออฟฟิศ ที่สำคัญคือ อย่าลืมวางแผนการทำงานให้เป็นระบบ และจัดลำดับความสำคัญของงานให้ดี เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ และไม่เบียดเบียนเวลาพักผ่อนอีกด้วย


สุดท้าย... เมื่อบริหารจัดการการทำงาน และบริหารสุขภาพจิตใจให้ปรับตัวกับการ Work from Home ได้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพผิวให้ดี สวยกระจ่างใสอย่างมีออร่า โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อ่อนโยน และไม่ทำร้ายผิว พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดด สาเหตุของปัญหาผิวต่างๆที่จะตามมาค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

เคล็ดลับดูแลผิวให้สวยใสมีออร่า ตามกรุ๊ปเลือด

เมษายน 05, 2563 0 Comments



คนที่มีกรุ๊ปเลือดต่างกัน ก็มีผิวพรรณที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สาวๆ ควรทำ ก็คือการเลือกผลิตภัณฑ์ และวิธีการดูแลผิว ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อความสวยใส ที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าตัวเองมีกรุ๊ปเลือดอะไร … ถ้ารู้แล้ว ก็ลองไปเช็คพร้อมๆกันเลย
สาวกรุ๊ปเลือด A
 คนที่มีเลือดกรุ๊ป A จะเป็นคนที่มีรูขุมขนเล็ก ทำให้ไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์ หรือรองพื้นเพื่อปกปิดผิวที่ไม่เรียบเนียน เหมือนกับสาวเลือดกรุ๊ปอื่นๆ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับสาวกรุ๊ปเอ ก็คือพวกโลชั่น หรือครีมบำรุงผิว เพราะคนกรุ๊ปนี้ จะมีผิวพรรณ ที่ค่อนข้างแห้ง ถ้าขาดมอยเจอร์ไรเซอร์เมื่อไหร่ ผิวได้แห้งแตกเป็นขุยแน่ๆ
สาวเลือดกรุ๊ป Bผิวพรรณของสาวเลือดกรุ๊ป B เป็นผิวที่ค่อนข้างแพ้ง่าย เพราะฉะนั้น เวลาเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ก็ควรจะเลือกแบบที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ไม่ผสมน้ำหอม เพราะมันจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย แล้วก็ต้องระวังเรื่องการสครับผิว ขัดผิวด้วย เพราะถ้าโดนของสากๆ ขัดบ่อยๆ ผิวเราจะแดงอาจเกิดอาการเจ็บแสบ หรือคันขึ้นมาได้ ต้องจำไว้ว่าเราเป็นคนผิวบอบบาง ขอแนะนำว่าถ้าอยากจะกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้เลือกเป็นพวก Peeling จะดีกว่า เพราะไม่ต้องเสี่ยงกับการทำให้ผิวระคายเคืองค่ะ
สาวเลือดกรุ๊ป AB
สาวที่มีเลือดกรุ๊ป เอบี เป็นคนที่ผิวไวต่อแดด โดนแดดหน่อยเดียว ก็ผิวคล้ำซะแล้ว แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะถึงจะคล้ำเร็ว แต่ก็กลับมาขาวเร็วเหมือนกัน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ ประเภทโทนเนอร์ และผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าต่างๆ หรือจะพอกหน้าด้วยไข่ขาว และน้ำผึ้ง ก็เป็นสูตรยอดนิยม ที่หลายคนแนะนำกันเลยนะ

สาวเลือดกรุ๊ป O

ผิวของสาวเลือดกรุ๊ป O นั้นค่อนข้างมัน แล้วก็เป็นคนที่มีรูขุมขนกว้าง เหงื่อออกเยอะ ควรจะพกกระดาษซับมันติดตัวเอาไว้ รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนต่อสภาพผิว และสกินแคร์จำพวกครีมกันแดด เพราะเป็นคนที่มีผิวไวต่อแดดด้วย เคล็ดลับที่สำคัญอีกอย่างคือการนอนหลับพักผ่อน สาวเลือดกรุ๊ปโอ ถ้าอยากหน้าเด้ง หน้าใส ต้องนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน แล้วก็อย่านอนดึกเกินเที่ยงคืน เพราะเวลาช่วงนั้น จะเป็นตอนที่ผิวพรรณกำลังฟื้นฟูตัวเองอยู่ ถ้าลองสังเกตดูดีๆ วันไหนนอนเต็มอิ่ม ตื่นมาจะหน้าใสเด้งสุดๆ ไปเลย

https://peelyaurambasun17.blogspot.com/p/blog-page_3.html

ผู้ชายชอบมองตรงไหน!!

เมษายน 05, 2563 0 Comments

จุดน่ามองในร่างกายของคุณผู้หญิง หน้าอก, หุ่น, เรียวขา, ใบหน้า, ผิวพรรณ สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ หรือแม้แต่เพศเดียวกัน เพราะเดี๋ยวนี้เดินไปไหนมาไหน มักเห็นสาวๆ ที่รักและดูแลตัวเองได้อย่างดี ถึงแม้จะไม่ได้มีดีทั้งตัว แต่ก็จะมีจุดเด่นให้ได้เหลียวมอง หัวจดเท้าที่คุณผู้ชายชอบมองที่สุด มันจริงมั้ยไปดูกัน
1. หน้าอก หน้าอก มันเป็นสัดส่วนที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิง คุณผู้ชายเลยชอบมองมากเป็นพิเศษ พูดอย่างนี้แล้วคุณผู้หญิงที่ไซส์เล็กตามสไตล์สาวไทยนี่ไม่ต้องตกใจไป เพราะเราก็มีเสน่ห์ในแบบของเราได้ค่ะคุณ ส่วนคุณผู้ชายที่เขาชอบอึ๋มๆ นั้น ก็ปล่อยเขาไป 
2. หุ่น หนุ่มๆ ชอบมองสาวหุ่นดี เซลลูไลท์น้อย รูปร่างสมส่วน และถ้ายิ่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งล่ะก็ มันน่าดึงดูดใจดีแท้ ผอมไม่ใช่ผอมจนเห็นกระดูกโปนออกมา หรืออ้วน ไม่ใช่อ้วนจนมองไม่เห็นว่ากระดูกอยู่ตรงไหน หุ่นดี คือสมส่วน สามารถสวมเสื้อผ้าได้หลายแบบ ไม่อึดอัด ใส่ชุดไหนก็ดูสวยดี เข้ารูปเข้าทรงพอเหมาะพอดี


3. หน้าตา, รอยยิ้ม มันคือสิ่งแรกๆ ที่ผู้ชาย หรือผู้หญิงด้วยกันมักเลือกมองก่อน ตาโต ปากนิดจมูกหน่อยนี่เข้าแก๊ปเลย สวยน่ารักน่ามอง คนที่หน้าตาดีคือมีทุกอย่างที่ลงตัวบนใบหน้า และความสวยของคนเราก็แตกต่างกันไป ตามความชอบหรือสเปกหนุ่มๆ เพราะผู้ชายบางคนก็ชอบหมวย บางคนชอบหน้าคม บางคนชอบมีแก้ม บางคนชอบผู้หญิงตาโต ก็ตามแต่ความชอบกันไป แต่เราขอแอบเพิ่มสิ่งที่ผู้ชายชอบมองอีกอย่าง คือรอยยิ้มที่จริงใจของสาวๆ ที่ยิ้มแล้วเหมือนโลกทั้งใบสดใสจนคนมองต้องยิ้มตามเลย 
4. เรียวขา โอ๊ย เห็นท่อนขาเรียวยาว น่ามองเป็นไหนๆ อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ผู้หญิงด้วยกันอย่างเรายังรู้สึกว่าขาเป็นอวัยวะส่วนที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย ยิ่งเวลาใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าส้นสูงเข้าให้แล้วนั้น ยิ่งน่ามอง ส่วนขาที่ดูน่ามอง ต้องเรียวยาว เรียบเนียน ไร้ขน ท่อนขาด้านบนและท่อนขาด้านล่างขนาดพอๆ กัน ไม่หนีห่างกันมาก
5. ก้น ก้นฟีบ ลีบ แบน.. ไม่น่ามองเท่าสาวมีก้นกลมกลึง กระชับ ไม่งั้นจะมีการออกกำลังปั้นก้น ที่เรียกว่า สควอท เกิดขึ้นบนโลกนี้ได้อย่างไร หลังจากคุณสาวๆ หันมาให้ความสำคัญกับการปั้นก้น เพราะการมีก้นสวยจะยิ่งทำให้ใส่กางเกงหรือชุดอะไรก็ดูดี และยิ่งถ้ามีเอวเว้าโค้งเข้าแล้ว จะยิ่งทำให้การมองเห็นก้นกลมกลึงง่ายขึ้นไปอีก
6. ผิว ผิวขาวนวล ชวนให้หนุ่มๆ มองไปอีก อย่าว่าแต่หนุ่มๆ เลย สาวๆ เองยังอยากขาวมีออร่าเลย แต่สมัยนี้ใครหลายคนก็หันมาให้ความสำคัญกับสาวผิวแทนๆ ไม่น้อย เพราะผิวแทนก็ดูสุขภาพดี กระนั้นแล้วการที่ไม่ว่าจะมีผิวสีอะไรก็ตาม ขอให้ดูสะอาด เรียบเนียน ไม่สกปรกเป็นพอ
PEELY AURA ตัวช่วยดีๆที่ทำให้สาวๆมีผิวขาวออร่า อย่างเป็นธรรมชาติ
 การดูแลตัวเองให้ดี จะมีใครมองหรือไม่มอง เราว่าก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะเราแค่เห็นหุ่น หรือผิวพรรณที่ดีของตัวเองในกระจก เชื่อว่าคุณสาวๆ ต้องฟินอย่างแน่นอน. 

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

SPF กับ PA มันคืออาไรน๊า

เมษายน 04, 2563 0 Comments

ค่า SPF กับค่าPAอะไรนี่ อันไหนดีกว่ากัน

คุณสมบัติการป้องกันแตกต่างกันนะคะ
  • SPF เอาไว้ป้องกันรังสี UVB
  • PA เอาไว้ป้องกันรังสี UVA
 SPF มันคืออะไร
ค่า SPF ย่อมาจากคำว่า Sun Protecting Factor ซึ่งก็คือค่าป้องกันแสงแดด ซึ่งผิวของคนเราจะมีความแตกต่างกัน บางคนตากแดดเพียง10 นาที ผิวก็เริ่มแดง แต่บางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น ส่วนค่าตัวเลขต่อท้าย คำว่า SPF นั้นสามารถนำมาคำนวณระยะเวลา (เป็นนาที) ในการปกป้องผิวหนังของเราจากรังสี UVB โดยนำตัวเลขส่วนท้ายคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้หมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดชนิดนั้นจะป้องกัน UVB ได้ เช่นค่าครีมกันแดด SPF50 นำเอา 50 x 30 = 1,500 หมายถึง ครีมกันแดดชนิดนี้ สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 1,500 นาที
 ค่า PA ำไมต้องมีเครื่องหมายบวก +++ ?
PA+ สามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 2เท่า
PA++ สามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 4เท่า
PA+++ สามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 8 เท่า 
แล้วราควรจะใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า PA เท่าไหร่ถึงจะช่วยป้องกันแสงแดดและแสงต่างๆได้ดี?
ชุดไหนก็มั่นใจ กล้าโชว์
  • PA+ สาวออฟฟิศธรรมดา ใช้ค่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
  • PA++ สำหรับคนที่ต้องออกไปทำงานกลางแจ้ง หรือออกแดดมากกว่าปกติ
  • PA+++ คนที่ต้องไปเที่ยวทะเล โดนแสงและแดดทั้งวันนานๆ เหมาะกับค่า PA สูงๆ แบบนี้
    สวยใส ท้าแดด

อันตรายจากแสงแดด

เมษายน 04, 2563 0 Comments

แสงแดดจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่แสงแดดก็ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพผิวได้เช่นกัน นั่นคือ ทำให้เกิดความผิดปกติของสีผิว เช่น ฝ้า กระ ทำให้ผิวไหม้เกรียม ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ผิวลดลง เกิดการแพ้แดด ทำให้ผิวมีริ้วรอย เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัยและทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนัง นอกจากนี้ยังพบว่า โรคผิวหนัง และ โรคระบบอื่นๆ หลายโรคอาจกำเริบเมื่อถูกแสงแดด เช่น โรคลมพิษจากแสงแดด โรคเอสแอลอี ตาเป็นต้อ โรคติดเชื้อเริม ฯลฯ
       อันตรายจากแสงแดด
ในแสงแดดประกอบด้วยรังสีที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีชื่อเรียกว่ารังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่าแสงยูวี แม้เพียงเล็กน้อยในยามแดดจัด ก็สามารถทำให้คอลลาเจน (เซลล์เนื้อเยื่อของผิวหนัง) เสื่อมสภาพได้ อนุมูลอิสระเป็นผลผลิตจากการที่ร่างกายต่อสู้กับสิ่งที่มาระคายเคือง เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งหากหลงเหลืออยู่ในผิวหนัง สารอนุมูลอิสระนี้ก็อาจทำลายเซลล์รอบๆ ตัว ทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ส่วนใหญ่พบว่า มีความสัมพันธ์กับรังสียูวี นั่นคือ ผิวหนังถูกแสงแดดแผดเผาเป็นเวลานานนับสิบปี
       UVA Rays – ย่อมาจากอัลตร้าไวโอเล็ตเอ ซึ่งอาจจะจำง่ายๆในชื่อ “UV Aging – ยูวีเอจจิ้ง” เพราะยูวีเอเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผิวระยะยาวและปัญหาเอจจิ้ง หรือก็คือผิวแก่ก่อนวัย รอยเหี่ยวย่อน ตีนกา และไฝแดดนั่นเอง
        UVB Rays - ย่อมาจากอัลตร้าไวโอเล็ตบี ซึ่งอาจจะเรียกให้จำง่ายในชื่อ “UV Burning – ยูวีเบิร์นนิ่ง” เพราะมันทำให้ผิวถูกแดดเผา และไม่เหมือนกับยูวีเอเพราะยูวีความเข้มแตกต่างกันไประหว่างปี ซึ่งมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากแสงยูวีบีนั่นเอง
       UVC Rays - ย่อมาจากอัลตร้าไวโอเล็ตซี ซึ่งเป็นรังสีที่รุนแรงที่สุด และสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเรายังโชคดีที่ชั้นโอโซนช่วยปกป้องรังสีชนิดนี้ไม่ให้ผ่านเข้ามาสู่ผิวโลก ดังนั้นอย่าพยายามทำลายชั้นโอโซนนะ

วิธีป้องกันผิวจากภัยแดด

PEELY AURA SPF60 PA++
วงการแพทย์จึงได้คิดค้นหาสารที่จะช่วยเป็นเกราะป้องกันรังสีความร้อน ในรูปแบบครีมกันแดดขึ้น เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผิวหนัง ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดสำหรับยุคนี้จึงถือเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยที่จำเป็นในการปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากการรุกล้ำทำลายของแสงแดดที่นับวันจะมีพิษสงรุนแรงเพิ่มขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูล:นิตยสารหมอชาวบ้าน 289



วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

วิธีดูแลตัวเองหลังตากแดด

เมษายน 01, 2563 0 Comments

วิธีดูแลตัวเองหลังตากแดด

          แสงแดดแผดเผารุนแรงอย่างบ้านเรา นอกจากจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นแล้ว ยังทำให้ผิวหมองคล้ำ และเกิดรอยไหม้ได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ซึ่งบ่อยครั้งที่สาว ๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิจวัตรประจำวัน หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้ผิวต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานานได้ เพราะฉะนั้นสาว ๆ จึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองหลังตากแดด เพื่อฟื้นฟูผิวหน้าและผิวกายที่สูญเสียความชุ่มชื้นให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง ซึ่งวิธีดูแลตัวเองหลังตากแดดที่ว่านี้จะมีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. ดื่มน้ำทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป

         
หลังจากโดนแดดแผดเผามาทั้งวัน ผิวหน้าและผิวกายของสาว ๆ จะถูกดึงความชุ่มชื่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ผิวหมองคล้ำ เกิดรอยไหม้และมีอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาได้ ทางที่ดีที่สุดสาว ๆ ควรดื่มน้ำเปล่าหรือดื่มน้ำผลไม้สด อย่างน้ำมะพร้าว น้ำแตงโม น้ำมะนาว หรือน้ำส้มคั้นสด ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป


2. งดขัดผิวหลังตากแดด

          ผิวกายของสาว ๆ เมื่อโดนแดดเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือมีรอยแดงที่ผิวหนังได้ ดังนั้นเวลาอาบน้ำสาว ๆ ควรถูผิวกายอย่างเบามือที่สุด และให้งดการขัดผิวในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังจากตากแดด เพราะ หากขัดผิวอีกจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมผิวอย่างรุนแรงมากขึ้น
3. บำรุงผิวหน้าหมองคล้ำจากแดด ด้วยว่านหางจระเข้ 

         
แน่นอนว่าใบหน้าของสาว ๆ คือส่วนแรกที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำทุกวัน จนอาจทำให้หมองคล้ำและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย วิธีดูแลและซ่อมแซมผิวหน้าหลังตากแดดเป็นเวลานาน ๆ ให้กลับมาชุ่มชื้นเหมือนเดิม มีวิธีง่าย ๆ เพียงสาว ๆ นำเจลว่านหางจระเข้มาทาทิ้งไว้บนใบหน้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ความเย็นของเจลว่านหางจระเข้จะซึมลึกลงไปถึงชั้นผิวหนัง ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า และช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนจากการที่ผิวถูกแสงแดดเผาไหม้เป็นเวลานานได้ดีอีก
4. บำรุงผิวคล้ำเสียจากแดดด้วยครีมบำรุงผิวหรือโยเกิร์ต 

         
ผิวที่ตากแดดจนดำคล้ำ ต้องการการบำรุงมากเป็นพิเศษเพื่อให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นได้เหมือนเดิม สาว ๆ สามารถบำรุงผิวหลังตากแดดได้ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยใช้วิธีนำโยเกิร์ตมาทาทิ้งไว้ที่บริเวณผิวที่โดนแดดประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก ก็จะช่วยบำรุงให้ผิวกายของสาว ๆ กลับมาเนียนนุ่มน่าสัมผัสได้อีกครั้งค่ะ
5. รักษารอยไหม้ที่ผิวกายด้วยว่านหางจระเข้


         
เมื่อผิวหนังโดนแสงแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน สาว ๆ จะสังเกตได้ว่าผิวกายจะดำคล้ำลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด หรือบางทีอาจมีรอยไหม้ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ซึ่งมีวิธีฟื้นฟูผิวง่าย ๆ ด้วยการนำเจลว่านหางจระเข้หรือโยเกิร์ตมาทาบริเวณผิวหนังที่ดำคล้ำหรือเป็นรอยไหม้ ก็จะช่วยทำให้ผิวผ่อนคลายและรู้สึกเย็นสดชื่นขึ้น เพราะเนื้อเจลจะซึมซาบสู่ชั้นผิวหนัง เข้าไปป้องกันการคายน้ำของผิว ช่วยรักษาผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น

6. บำรุงริมฝีปากด้วยน้ำมันมะพร้าวและลิปบาล์ม
          สาว ๆ ต้องไม่ลืมนะคะว่าริมฝีปากเมื่อถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ ก็เกิดการแห้งกร้านและดำคล้ำลงได้ง่ายเช่นเดียวกับผิวหน้าและผิวกาย ดังนั้นควรบำรุงริมฝีปากให้กลับมานุ่มชุ่มชื่นอีกครั้งด้วยการทาน้ำมันมะพร้าวหรือลิปบาล์ม และหากรู้ตัวว่าต้องเผชิญแสงแดดเป็นเวลานานในครั้งต่อไป สาว ๆ ควรทาลิปสติกที่มีกันแดดสูตร SPF ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้งและดำคล้ำจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้ค่ะ

         
หวังว่าเคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับวิธีดูแลตัวเองหลังตากแดดที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสียของสาว ๆ ให้กลับมามีสุขภาพผิวดีได้อีกครั้งนะคะ แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกครั้งก่อนออกจากบ้านด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดมาทำร้ายผิวที่เรารักได้ง่าย ๆ นั่นเองค่ะ